ยอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัว

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ (cookie) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานและเพิ่มความพึงพอใจต่อการได้รับการเสนอข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตามนโยบายคุกกี้ของเรา

รายละเอียดเพิ่มเติม

ศิลปิน NFT หลังกำแพงจากโครงการ NFTxPrison Project ทำยอดปิดประมูลภาพ NFT Collection คนหลังกรงครั้งแรกในโลกที่ 4.5 อีเธอเรียมหรือ 2.6 แสนบาท

 
“เรื่องของสังคมกับเรื่องของเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถนำมาผสานกันเพื่อสังคมได้ NFT สามารถช่วยให้มีการระดมทุนช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางได้ ช่วยเล่าเรื่องราว สร้างรายได้ แก้ปัญหาทางจิตเวช ช่วยให้คนที่ไร้การระบุตัวตน รู้สึกไร้ตัวตน หรือตกหล่นจากการรับบริการสวัสดิการสังคม ถูกริดรอนสิทธิมนุษยชน ให้มีตัวตนขึ้นมา โลกดิจิทัลจะช่วยปกป้องคุ้มครองพวกเขาได้” อิสรียาห์ ประดับเวทย์ ที่ปรึกษาโครงการ NFTxPrison Project ศิลปินและ NFT Influencer และผู้บุกเบิกวงการ NFT ไทย กล่าว
 
 
การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของอดีตผู้กระทำผิดที่เคยต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคในการตั้งต้นตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งจากทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ สถานะทางการเงินที่อาจมีไม่เท่าเทียมกับผู้อื่น กอปรกับสภาพแวดล้อมหลังออกจากเรือนจำที่อาจจะต้องกลับเข้าไปอยู่ในวังวนที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดซ้ำ เพราะไม่สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยอาชีพสุจริตได้ ไม่ได้รับโอกาสจากสังคม รวมทั้งจากทัศนคติด้านลบส่วนตัวที่ไม่กล้าสมัครงานใหม่ หรือร่วมงานกับผู้อื่น โดยจากสถิติของกรมราชทัณฑ์ พบว่าในประเทศไทย ร้อยละ 30 ของผู้กระทำผิดที่พ้นโทษแล้วจะกลับไปกระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี
 
 
 
สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้แก่ผู้มีความเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม และด้วยประสบการณ์ของ TIJ ในการสนับสนุนให้ผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษได้กลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ด้วยการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพของผู้ต้องขังในด้านทัศนคติ องค์ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพ ทำให้พบเห็นข้อท้าทายในการปรับตัวและประกอบอาชีพของผู้ต้องขังเมื่อพ้นโทษ นั่นคือ การขาดทักษะที่จำเป็นและสอดคล้องกับความต้องการของสังคมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาทางเทคโนโลยี เช่น Social Media, Digital asset, Metaverse และ NFT ที่ผู้อยู่ในเรือนจำไม่อาจเข้าถึงได้
 
 
 
แต่อุปสรรคคือความท้าทาย TIJ มองว่าสามารถพัฒนาได้ คือการพัฒนาทักษะด้านศิลปะแก่ผู้ต้องขัง ในเมื่อปัจจุบันเรือนจำหลายแห่งมีการฝึกวิชาชีพด้านศิลปะแก่ผู้ต้องขัง จึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนาศิลปะ NFTxPrison Project โดย NFT หรือ Non Fungible Token เป็น Token ประเภทหนึ่งที่เป็นสินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งมีความแตกต่างกับ Cryptocurrency หรือ Token สกุลอื่นๆ เช่น Bitcoin, Ethereum หรือ Alt Coin กล่าวคือ NFT แต่ละ NFT มีมูลค่า (Value) ที่ไม่เท่ากัน
 
 
 
รูปแบบของการสร้าง NFT ที่แพร่หลายที่สุดอยู่ในรูปแบบของภาพวาด โดยเหตุผลของการสะสม NFT ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยความงามของภาพ หรือตัวศิลปินที่สร้างสิทธิพิเศษ (utility) หรือ project white paper เท่านั้น แต่เป็น "การเล่าเรื่อง" ที่อยู่ข้างหลังภาพของ NFT และ Branding ที่ชุมชนนั้นรับรู้เกี่ยวกับ NFT Creator คนนั้นๆ ส่วนช่องทางการซื้อขาย NFT จะอยู่บน Blockchain ผ่าน Marketplace ต่างๆ เช่น Opensea, Foundation หรือ Knownorigin และอีกหลายๆ Platform เป็นต้น
 
 
โครงการพัฒนาศิลปะ NFT แก่ผู้ต้องขัง มุ่งเน้นการให้ความรู้ผู้ต้องขังเกี่ยวกับเทคโนโลยี สื่ออิเล็กทรอนิกส์ NFT การทำวิชาชีพศิลปิน NFT และหลักการในการเล่าเรื่อง Storytelling อันเป็นสิ่งสำคัญในการเล่าเรื่องเบื้องหลังของภาพ เพื่อให้ภาพนั้นมีความโดดเด่นและมีจุดขาย แม้จะต้องเผชิญความท้าทายจากการที่ไม่สามารถนำอุปกรณ์ดิจิทัลเพื่อการวาดภาพ NFT เข้าไปสอนผู้ต้องขังได้ นอกจากนี้ ผู้ต้องขังยังได้รับการฝึกสอนงานศิลปะมาจากการลอกลายหรือลอกแบบงานมากกว่าการใช้จินตนาการของตนเอง ทำให้ต้องใช้เวลาในการเปิดใจให้พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์ผลงานจากความคิดของตนเอง และเมื่อได้ภาพมา คณะทำงานจึงได้นำภาพเหล่านั้นมาทำสำเนาเป็นดิจิทัลอีกที ท้ายที่สุดแล้วทางโครงการประสบความสำเร็จในการส่งเสริมให้ผู้วาดภาพในเรือนจำถึง 60 คน เข้าร่วมโครงการและมีจินตนาการในการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตและเรื่องราวของตนเองออกมาได้มากกว่า 100 ภาพ
 
 
ในการจัดงาน “นวัตกรรมเพื่อความยุติธรรมอาเซียน 2023: หลักนิติธรรม ข้อมูล และอนาคตของระบบยุติธรรม” เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2566 TIJ จึงได้ร่วมกับศิลปิน NFT คัดเลือกภาพวาด NFT จำนวน 12 ภาพจากผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษธนบุรี และเรือนจำกลางชลบุรีที่เข้าร่วมโครงการ มาเปิดตัวในธีม 12 Beauty of Freedom: The NFT Collection โดยในงานมีการให้ความรู้เกี่ยวกับ NFT และการแสดงภาพยนต์สั้น เรื่อง “เรื่องราวหลังกำแพง” โดยรายได้จากการประมูลทั้ง 12 ภาพ รวม 2.6 แสนบาท หรือเท่ากับ 4.5 อีเธอเรียม (ETH) จะได้รับการจัดสรรแก่ผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการ
 
 
สำหรับภาพที่ได้รับการประมูลเป็นภาพแรก “Beauty of the Moon” เป็นภาพพระจันทร์เต็มดวงสีเหลืองละมุนตา ทาบบนพื้นหลังสีน้ำเงินเข้มของท้องฟ้าตอนกลางคืน ภาพนี้ถ่ายทอดเรื่องราวจากเสี้ยวขณะหนึ่งที่ผู้ต้องขังได้แหงนขึ้นมองพระจันทร์ยามค่ำคืน หลังจากเข้าไปอยู่หลังกำแพงมานานหลายปี และต้องเข้าเรือนนอนในเวลา 16.00 น. ทุกวัน ทำให้ไม่ได้เห็นดวงจันทร์เลย กระทั่งวันหนึ่งที่ทำงานในกองเวรจนค่ำ ระหว่างเดินกลับจึงได้เห็นดวงจันทร์ครั้งแรกในรอบหลายปี ทำให้รู้สึกถึงความพิเศษกระทั่งร้องไห้ออกมา
 
 
 
 
“งานครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการดูแลแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดยังมีแนวทางอื่นที่สามารถทำได้ อย่างการวาดภาพ NFT ที่ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะสนับสนุน เมื่อเปิดโอกาส ก็จะได้รับโอกาส นำไปสู่การ reconnect ความเป็นมนุษย์ ต้องขอบคุณกรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษธนบุรี และเรือนจำกลางชลบุรีที่ให้โอกาสใหม่ๆ แก่ผู้ต้องขัง ตลอดช่วงระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา และสุดท้ายนี้อยากให้ทุกท่านที่ร่วมงานได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ครั้งนี้และนำไปต่อยอด เพื่อเป็นประโยชน์ในการให้โอกาสให้คนอีกกลุ่มในสังคม ให้ประเทศไทยมีสังคมที่ดี สร้างสรรค์ และปลอดภัยต่อไป” ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย กล่าว
 
 
 
TIJ หวังว่า โครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้รับรู้ถึงโอกาสใหม่ๆ ของโลกนอกกำแพง และสร้างกรอบความคิดใหม่ๆ ให้ผู้อยู่ในโลกภายนอก และเสริมคุณค่าให้ผู้ต้องขังได้มีกำลังใจในการกลับสู่สังคม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกดิจิทัล ด้วยการช่วยให้พวกเขามองเห็นความเป็นไปได้ที่นำพลังจากความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจมาผลักดันให้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
Back
chat