TIJ ร่วมขับเคลื่อนการนำกีฬามาแก้ปัญหาเยาวชนกลุ่มเสี่ยงในเวทีประชุมสหประชาชาติ
TIJ ร่วมกับรัฐบาลไทยนำเสนอร่างข้อมติ “Integrating Sport into Youth Crime Prevention and Criminal Justice Strategies” เพื่อขับเคลื่อนให้กีฬาเป็นแนวทางในการลดโอกาสการกระทำผิดของเด็กกลุ่มเสี่ยง และเด็กกลุ่มที่เคยกระทำความผิด ให้มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ มีทักษะในเชิงบวกในการใช้ชีวิต และสามารถกลับเข้าสู่สังคมได้อย่างยั่งยืน ระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (Commission on Crime Prevention and Criminal Justice – CCPCJ) ครั้งที่ 28 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
TIJ ร่วมกับคณะผู้แทนรัฐบาลไทย เข้าร่วมการประชุม CCPCJ ครั้งที่ 28 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยในปีนี้ TIJ ได้เป็นร่วมจัดกิจกรรมภายใต้กรอบ “Collaborative and Innovative Justice for All: Toward the 2030 Agenda” โดยนำประเด็นด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญากับวาระการพัฒนาของสหประชาชาติมานำเสนอ ภายใต้ธีม “Justice is everyone’s matter.” ระหว่างการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมคู่ขนาน “Integrating sport in youth crime prevention and criminal justice strategies”
โดยครั้งนี้ TIJ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) รัฐบาลโคลอมเบีย รัฐบาลอังกฤษ รัฐบาลไทย และสโมสร Bounce Be Good (BBG) ประเทศไทย ส่งตัวแทนเข้าร่วมการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการแสวงหาแนวทางลดโอกาสการกระทำผิดของเด็กกลุ่มเสียงและเด็กที่เคยกระทำผิด อันเป็นการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ผู้ทรงริเริ่มโครงการ BBG มาปฏิบัติ พร้อมทั้งร่วมกันผลักดันให้แนวทางดังกล่าวได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ
“กีฬาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยเหลือและลดโอกาสการกระทำผิดของผู้คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง” มิวะ คาโต ผู้อำนวยการปฏิบัติการ จาก UNODC กล่าวในพิธีเปิดกิจกรรมคู่ขนาน พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา UNODC ได้ใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการป้องกันการกระทำความผิดในกลุ่มเด็กและเยาวชนอันเป็นส่วนหนึ่งของปฏิญญาโดฮา
ด้านเอกอัครราชทูต มรกต ศรีสวัสดิ์ ผู้แทนถาวรประเทศไทยประจำสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา กล่าวว่า “โครงการเสริมทักษะด้านกีฬาจะมีบทบาทสำคัญเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างทักษะชีวิต เช่น ทักษะการแก้ไขปัญหา ทักษะด้านความสัมพันธ์ และทักษะการตื่นรู้แก่เด็กและเยาวชน นอกจากนี้ โครงการ BBG ยังช่วยเผยให้เห็นทักษะและการมีความรักที่จะเล่นกีฬาในเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบางที่ได้ก้าวพลาดไปแล้ว อีกทั้งยังทำให้เห็นว่ากีฬาเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันอาชญากรรมและเสริมพลังแก่เด็กและเยาวชนได้”
ขณะที่ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการ TIJ กล่าวว่า “กีฬาจะเป็นหน้าต่างแห่งโอกาสที่จะช่วยให้เราได้ทบทวนเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรรมทางอาญาเพื่อให้เราเข้าใจถึงความต้องการและการพัฒนาเด็กและเยาวชน และหวังว่ากีฬาจะช่วยให้คนที่เคยกระทำผิดได้คิดใหม่ ได้รับการฟื้นฟู และได้รับโอกาสคืนสู่สังคม และท้ายที่สุดคือการได้ชีวิตใหม่”
กิจกรรมคู่ขนานดังกล่าวยังเป็นเวทีเพื่อให้รัฐบาลไทยและ TIJ ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์จากการนำกีฬามาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เพื่อนำไปสู่การเสนอข้อมติ Integrating sport in youth crime prevention and criminal justice strategies ซึ่งเป็นข้อมติว่าด้วยการนำทักษะกีฬามาใช้เพื่อบำบัดฟื้นฟูและคืนคนดีสู่สังคม โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เคยกระทำผิดมาแล้ว ในที่ประชุมใหญ่ของ CCPCJ อีกด้วย
ในการนี้ ประเทศไทยยังได้จัดนิทรรศการและการประชุมคู่ขนานเพื่อผลักดันประเด็นนี้อย่างเต็มที่ ภายใต้ชื่อนิทรรศการ “Investing in the future: Revitalizing and Empowering Youth” และในที่สุดร่างข้อมติของประเทศไทยก็ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการว่าด้วยกระบวนการยุติธรรมของสหประชาชาติ โดยมีประเทศร่วมสนับสนุนร่างข้อมตินี้ ได้แก่ แอนดอร่า เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ เบลารุส บัลแกเรีย เปรู ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ไนจีเรีย อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น กาตาร์ นอร์เวย์ และปานามา
ความสำเร็จของร่างข้อมตินี้ ถือเป็นการแสดงบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้พระวิสัยทัศน์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ อดีตเอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรของประเทศไทย ณ สำนักงานสหประชาชาติ กรุงเวียนนา หลังจากที่ทรงเคยผลักดันข้อมติที่นำไปสู่การปรับสถานภาพของผู้ต้องขังหญิง และการยุติการใช้ความรุนแรงต่อเด็กจนประสบการณ์ความสำเร็จเป็นมาตรฐานของสหประชาชาติด้านกระบวนการยุติธรรมที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาแล้ว
หลังจากนี้ ร่างข้อมติ Integrating sport in youth crime prevention and criminal justice strategies จะถูกนำไปพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) ในเดือนกรกฎาคม 2562 และที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (General Assembly) ในเดือนมกราคม 2563 เมื่อที่ประชุมผ่านมติแล้ว จึงจะได้รับการประกาศให้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศต่อไป
ระหว่างการประชุม CCPC ทาง TIJ ยังได้มีบทบาทในการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมเวทีคู่ขนานในหัวข้อ Fostering a Culture of Lawfulness in Support of the 2030 Agenda ตลอดจนร่วมจัดกิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมคู่ขนานที่ทาง TIJ ร่วมกับสถาบัน Penal Reform International (PRI) เปิดตัวรายงานแนวโน้มสถานการณ์เรือนจำโลกประจำปี 2019 (Global Prison Trend 2019) และกิจกรรมคู่ขนาน Rehabilitation and social reintegration of women prisoners ซึ่งมีการเปิดตัวคู่มือแนวปฏิบัติเพื่อการบำบัดฟื้นฟูและคืนผู้ต้องขังหญิงกลับสู่สังคม: การอนุวัติข้อกำหนดกรุงเทพ (Guide to the Rehabilitation and Social Reintegration of Women Prisoners: Implementation of the Bangkok Rules)
นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมคู่ขนาน Redesigning a Borderless Youth Engagement for Sustainability: A Showcase of Outcomes from the UNODC-TIJ Borderless Youth Forum on Innovation โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งได้นำไปจัดแสดงในนิทรรศการ “Investing in the future: Revitalizing and Empowering Youth” กิจกรรมคู่ขนาน Justice and Collaboration for the 2030 Agenda รวมทั้งร่วมการประชุมสถาบันเครือข่ายของสหประชาชาติด้านกระบวนการยุติธรรม หรือ Programme Network Institutes (PNI) Workshop ในฐานะที่ TIJ เป็นหนึ่งในสถาบัน PNI ด้วย